สวัสดีค่ะ \\^O^//
ช่วงนี้หน้าไทม์ไลน์เฟสบุ๊คหรือแม้แต่ในพันทิปเองก็มีแต่คนไปเที่ยวญี่ปุ่นกันทั้งนั้นเลย
เราก็มีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นมาเหมือนกัน เลยขออนุญาตมาแชร์ประสบการณ์และภาพถ่ายด้วยคนนะคะ
ทริปนี้เราไปกับแฟนสองคนค่ะ ก่อนจัดทริปเราก็ปรึกษากันก่อนว่าเรามีที่ไหนที่อยากไป หรืออยากจะไปทำอะไรบ้าง
เลยได้เป็นทริปนี้มาค่ะ โอซาก้า - คาวากุจิโกะ - โตเกียว ^^


เราถึงสนามบินคันไซสี่ทุ่มกว่าๆค่ะ กว่าจะผ่านตม.มาก็เที่ยงคืน ตั้งใจว่าจะนอนที่สนามบินกันค่ะ แต่นอนไม่หลับ เลยเดินเล่นจนเกือบหกโมงเช้าก็ข้ามไปซื้อบัตรโดยสารค่ะ บัตรโดยสารสำหรับนักท่องเที่ยว มีให้เลือกหลายประเภทนะคะ บางบัตรก็ต้องจองจากที่ไทยไปแล้วค่อยไปรับตั๋วที่นู้น ของเราใช้ Osaka Amazing Pass ค่ะ บัตรนี้พิเศษตรงที่ ฟรีค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง และในไกด์บุ๊คยังมีคูปองส่วนลดร้านอาหารบางร้านด้วยค่ะ
เราซื้อเป็นแบบ 1 day pass เพราะเราอยู่โอซาก้าแค่วันเดียวค่ะ
ได้บัตรแล้วก็ออกจากสนามบินคันไซ ไปโรงแรมค่ะ โรงแรมที่นี่ให้เช็คอินตอนบ่ายสาม เราเลยฝากประเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ แล้วออกไปสำรวจโอซาก้ากัน
นั่นไง !!!!!

เห็นปราสาทโอซาก้าแล้ววววว
อากาศครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก
รอบๆปราสาทเป็นสวนสาธารณะ

แค่เดินเข้าไปก็ได้กลิ่นซากูระหอมมากกกกก

แน่นอนว่า นักท่องเที่ยวที่มีบัตรOsaka Amazing Pass สามารถเข้าไปในบริเวณปราสาทได้ฟรี
เดินจนเมื่อยแล้ว ก็ค่อยๆเดินออกมากัน

เจอเจ้าแมวตัวใหญ่ด้วย

ได้เวลาเช็คอินแล้ว กลับโรงแรม
อาบน้ำพักผ่อนชาร์จแบตเรียบร้อย เราก็เตรียมตัวไปลุยนัมบะกัน!!!
ใครก็ตามที่มาเยื่อนโอซาก้า ต้องได้มาถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะในตำนาน!ไม่งั้นจะถือว่ามาไม่ถึงนะคะ
จากสถานีนัมบะ เราก็มองมองหาถนนDotonbori เราชอบถนนนี้มากๆๆๆๆ เป็นถนนคนเดินที่มีของกินอร่อยๆเต็มสองข้างทางเลยค่ะ

เดินเข้าร้านนี้ออกร้านนั้นมาเรื่อยๆ เดินตามถนนที่มีบรรดาปูยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ ซูชิยักษ์ มังกร และอีกต่างๆมากมาย
เราก็จะมาเจอกับสะพานข้ามแม่น้ำโดตมโบริ(ที่ตอนหลังเพิ่งมารู้ว่าชื่อสะพานอิบิซึบาชิ)
นั่นแหละค่ะ!!คือที่ตั้งของป้ายกูลิโกะในตำนาน มิชชั่นคอมพลีท^^
วันที่ 2 เราตื่นมาเช็คเอาท์ แล้วไปสถานี Shin-Osaka ขึ้นชินคันเซ็นไปลงสถานี Mishima ค่ะ ตื่นเต้นมาก เป็นการขึ้นชินคันเซ็นครั้งแรกในชีวิตเลย

ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.ค่ะ

นั่งดูวิวข้างทางไปเพลินๆ ยังตื่นเต้นไม่หายก็ถึง Mishima ซะล้ะ
มาต่อรถทัวร์เพื่อไปคาวากุชิโกะค่ะ

ฝนตกปรอยๆ

ใช้เวลาเดินทาง45นาที ก็ถึงสถานี Kawaguchiko หิมะตกด้วยค่ะ

เราเลือกที่จะใช้บริการแท๊กซี่เข้าไปเรียวกังเอง แทนที่จะรอรถของเรียวกังมารับ เพราะเราอยากลองแท็กซี่ของญี่ปุ่นดูค่ะ 5555555
เป็นไปตามคาด เดินไปถึงรถปุ๊บ คนขับรถก็มาช่วยขนกระเป๋าขึ้นรถปุ๊บ ขึ้นรถกันเรียบร้อยค่อยหันมาถามว่าจะไปไหน จอดตามคิวและไม่มีปฏิเสธผู้โดยเลยซักคน ไปไหนไปกัน ใช้เวลา10นาทีก็ถึงเรียวกังค่ะ
เราอยากมาพักเรียวกัง นอนเสื่อทาทามิ แช่ออนเซ็น

ก็ได้สมใจอยาก
ที่นี่ออนเซ็นเป็นอินดอร์แบบรวมค่ะ คือแยกแค่ชายหญิง
วิวจากหน้าต่างห้องค่ะ
ตอนแรกตั้งใจจะมาดูฟูจิซัง แต่สภาพอากาศทำให้เรามองไม่เห็นฟูจิซังเลย
ได้เห็นทะเลสาบคาวากูจิโกะกับภูเขาปกคลุมที่ด้วยหิมะแทน สวยมากกกกกก คาดไม่ถึงเลยค่ะ
เรียวกังเราไกลจากร้านสะดวกซื้อค่ะ เจ้าของเรียวกังเลยให้ยืมจักรยานมาปั่น

ทั้งสวยทั้งชา ตอนนั้นคิดว่าไม่น่าปั่นจักรยานออกมาเลย หนาวจะแย่

แปลงดอกไม้ของเรียวกัง หน้าร้อนจะมีดอกไม้สีม่วงๆบานเต็มไปหมด คงจะสวยไปอีกแบบ
หลับสบายมากกกก ที่นี่คือการพักผ่อนของจริง ฟินมากกกกกกก
แต่ต้องตื่นแต่เช้า เก็บกระเป๋าเช็คเอาท์แต่เช้า
รถของเรียวกังไปส่งที่สถานีคาวากูจิโกะ
นั่งรถไฟ Fujikyu Railway เข้าเมือง (ใช้เวลาเกือบ3ชม.) เราจะได้เข้าโตเกียวกันแล้ว ^^
เราสถานีโตเกียว ซื้อบัตรโดยสาร1-day tokyo free kippu แล้วไปเช็คอินที่โรงแรมค่ะ เช็คอินแล้วก็ไปลุยโตเกียวกัน !! ^^
เริ่มจากวัดอาซากุสะก่อนเลย

เซียมซีได้ไม่ค่อยดี
ถนนรอบๆวัดมีแต่ขนมอร่อยๆเต็มไปหมดเลย
ไปลุยชิบุย่าต่อ ไปหาฮาชิ

เครื่องสำอางค์ โฟมล้างหน้า ฮาดะลาโบะ ของฝากซื้อทุกอย่างล้วนมาจากที่นี่
ไม่ลืมที่จะไขกาชาปอง

แวะทุกที่ ที่มีตู้กาชาปอง

เข้าเกมเซ็นเตอร์ทุกร้านที่ผ่าน
ในสวนอุเอโนะมีศาลเจ้า
มาสวนอุเอโนะแล้ว ต้องไม่ลืมแวะตลาดAmeyoko มีร้านซุชิชื่อดัง ที่คนต่อแถวยาวเหยียด เลยไม่ได้รอ
พ่อค้าแม่ค้าบางร้านพูดภาษาไทยได้ด้วย ที่นี่คนไทยนิยมมากัน เราก็แวะซื้อสตรอเบอร์รี่จากที่นี่กลับไปฝากที่บ้านด้วยเหมือนกัน
สุดท้ายแล้ว มาโตเกียวไม่ไปเหยียบโตเกียวทาวเวอร์ได้ไง
มีอีกหลายที่ ที่ไปแล้วไม่มีรูปไว้ แต่เราจำได้ทุกภาพ ทุกเหตุการณ์
เราชอบญี่ปุ่นมากจริงๆ และสัญญาว่าจะไปอีก
**เพิ่มเติมที่ถามเข้ามานะคะ
นอกจากค่าที่พักและตี๋วเครื่องบินที่จองจากไทยแล้ว สิ่งที่เเตรียมจากไทยไปอีกอย่างนึงคือ Pocket Wifi ค่ะ เราจองในงานท่องเที่ยวที่ศูนย์สิริกิตติ์ ได้ราคาโปรโมชั่นที่150บ./วันค่ะ ถ้าจองนอกงานจะราคา 200บ./วัน นัดรับกับพนักงานสองวันก่อนบิน แล้วไปเปิดใช้ที่นู้น เรายังไม่เคยใช้ซิมเน็ต เราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน ตัวเครื่องใช้งานประมาณ8-9ชม.ก็แบตหมดค่ะ เราตะลอนๆหลายที่เลยต้องพกPower Bankด้วย กลับมาถึงโรงแรมก็ใช้Wifiของโรงแรม ก็พักเครื่องชาร์จแบตกันไป
แฟนเราแลกเงินจากประเทศไทย(แลกที่K79 ตอนนั้นเรทอยู่ที่0.278ค่ะ) แลกไปสองแสนเยน สำหรับสองคนค่ะ
ค่าใช้จ่ายจะหนักไปทางตั๋วรถไฟ
วันที่1. ที่โอซาก้า ตั้งแต่สนาบินบินโอซาก้ารวมเที่ยวในโอซาก้าใช้ Osaka Amazing Pass = 2300/per
วันที่2. ชินคันเซน Osaka-Mishima = 12080/per
ต่อรถประจำทางไป Kawaguchiko = 2260/per
วันที่3. นั่งรถไฟสาย Fujikyu จาก Kawaguchiko - Otsuki 1490/per เข้าใจผิดคิดว่าสถานี Otsuki สามารถซื้อบัตรโดยสารได้(เราตั้งใจจะซื้อบัตร 1-day tokyo free kippu) แต่ไม่ได้เพราะเป็นสถานีเล็ก เลยต้องเสียค่ารถไฟไปลงสถานีโตเกียว อีก = 1140/per
เที่ยวในโตเกียวโดยใช้บัตรโดยสาร 1-day tokyo free kippu = 1540/per
วันที่4. เที่ยวในโตเกียว ใช้บัตรโดยสาร 1-day tokyo free kippu = 1540/per
วันที่5. เก็บตกซื้อของฝากนิดหน่อย เดินทางไม่ไกล ใช้วิธีหยอดเครื่องเป็นรอบเอา นิดหน่อยไม่ถึงพันเยนค่ะ
Narita Express เข้าสนาบินนาริตะ เราจองแบบระบุที่นั่งเลยค่ะ = 2470/per
สรุปราคาตั๋วรถไฟของทั้งสองคน ประมาณสี่หมื่นเยนค่ะ
ส่วนค่าอาหาร เราไม่ทานหรูค่ะ มียากินิคุ ร้านอาหารข้างทางธรรมดา ร้านอาหารแบบต้องหยอดเงินรับคูปองไปยื่นที่เค้าเตอร์แล้วรับอาหารก็ราคาถูกค่ะได้เยอะมาก แต่จะอร่อยมั้ยต้องไปลุ้นเอาค่ะ อาหารในร้านสะดวกซื้อก็ทานค่ะ ซื้อก่อนกลับเข้าโรงแรมไว้ทานตอนดึกๆ ความเห็นส่วนตัวเราคิดว่าอาหารสำเร็จใน Lawson กับ Family Mart อร่อยกว่าใน 7-11 นะคะ ขนมเครื่องเดื่มทานเยอะปกติค่ะ ไม่ต้องประหยัดอะไร
รวมๆของฝากด้วยแล้ว สองแสนเยนสองคนเราอยู่สบายๆค่ะ เราไม่ได้ทานหรู ไม่ได้ช็อปแบรนเนมค่ะ ^^
__________________________________________________________
นี่คือการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา นี่คือการแบ็คแพ็คครั้งแรกของเรา นี่คือการเขียนรีวิวครั้งแรกของเรา
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
[CR] JAPAN TRIP : wanna be a backpacker !!! ขอไปญี่ปุ่นบ้าง ขอลองแบคแพคด้วย
ช่วงนี้หน้าไทม์ไลน์เฟสบุ๊คหรือแม้แต่ในพันทิปเองก็มีแต่คนไปเที่ยวญี่ปุ่นกันทั้งนั้นเลย
เราก็มีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นมาเหมือนกัน เลยขออนุญาตมาแชร์ประสบการณ์และภาพถ่ายด้วยคนนะคะ
ทริปนี้เราไปกับแฟนสองคนค่ะ ก่อนจัดทริปเราก็ปรึกษากันก่อนว่าเรามีที่ไหนที่อยากไป หรืออยากจะไปทำอะไรบ้าง
เลยได้เป็นทริปนี้มาค่ะ โอซาก้า - คาวากุจิโกะ - โตเกียว ^^
เราถึงสนามบินคันไซสี่ทุ่มกว่าๆค่ะ กว่าจะผ่านตม.มาก็เที่ยงคืน ตั้งใจว่าจะนอนที่สนามบินกันค่ะ แต่นอนไม่หลับ เลยเดินเล่นจนเกือบหกโมงเช้าก็ข้ามไปซื้อบัตรโดยสารค่ะ บัตรโดยสารสำหรับนักท่องเที่ยว มีให้เลือกหลายประเภทนะคะ บางบัตรก็ต้องจองจากที่ไทยไปแล้วค่อยไปรับตั๋วที่นู้น ของเราใช้ Osaka Amazing Pass ค่ะ บัตรนี้พิเศษตรงที่ ฟรีค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง และในไกด์บุ๊คยังมีคูปองส่วนลดร้านอาหารบางร้านด้วยค่ะ
เราซื้อเป็นแบบ 1 day pass เพราะเราอยู่โอซาก้าแค่วันเดียวค่ะ
ได้บัตรแล้วก็ออกจากสนามบินคันไซ ไปโรงแรมค่ะ โรงแรมที่นี่ให้เช็คอินตอนบ่ายสาม เราเลยฝากประเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ แล้วออกไปสำรวจโอซาก้ากัน
นั่นไง !!!!!
เห็นปราสาทโอซาก้าแล้ววววว
อากาศครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก
รอบๆปราสาทเป็นสวนสาธารณะ
แค่เดินเข้าไปก็ได้กลิ่นซากูระหอมมากกกกก
แน่นอนว่า นักท่องเที่ยวที่มีบัตรOsaka Amazing Pass สามารถเข้าไปในบริเวณปราสาทได้ฟรี
เดินจนเมื่อยแล้ว ก็ค่อยๆเดินออกมากัน
เจอเจ้าแมวตัวใหญ่ด้วย
ได้เวลาเช็คอินแล้ว กลับโรงแรม
อาบน้ำพักผ่อนชาร์จแบตเรียบร้อย เราก็เตรียมตัวไปลุยนัมบะกัน!!!
ใครก็ตามที่มาเยื่อนโอซาก้า ต้องได้มาถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะในตำนาน!ไม่งั้นจะถือว่ามาไม่ถึงนะคะ
จากสถานีนัมบะ เราก็มองมองหาถนนDotonbori เราชอบถนนนี้มากๆๆๆๆ เป็นถนนคนเดินที่มีของกินอร่อยๆเต็มสองข้างทางเลยค่ะ
เดินเข้าร้านนี้ออกร้านนั้นมาเรื่อยๆ เดินตามถนนที่มีบรรดาปูยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ ซูชิยักษ์ มังกร และอีกต่างๆมากมาย
เราก็จะมาเจอกับสะพานข้ามแม่น้ำโดตมโบริ(ที่ตอนหลังเพิ่งมารู้ว่าชื่อสะพานอิบิซึบาชิ)
นั่นแหละค่ะ!!คือที่ตั้งของป้ายกูลิโกะในตำนาน มิชชั่นคอมพลีท^^
วันที่ 2 เราตื่นมาเช็คเอาท์ แล้วไปสถานี Shin-Osaka ขึ้นชินคันเซ็นไปลงสถานี Mishima ค่ะ ตื่นเต้นมาก เป็นการขึ้นชินคันเซ็นครั้งแรกในชีวิตเลย
ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.ค่ะ
นั่งดูวิวข้างทางไปเพลินๆ ยังตื่นเต้นไม่หายก็ถึง Mishima ซะล้ะ
มาต่อรถทัวร์เพื่อไปคาวากุชิโกะค่ะ
ฝนตกปรอยๆ
ใช้เวลาเดินทาง45นาที ก็ถึงสถานี Kawaguchiko หิมะตกด้วยค่ะ
เราเลือกที่จะใช้บริการแท๊กซี่เข้าไปเรียวกังเอง แทนที่จะรอรถของเรียวกังมารับ เพราะเราอยากลองแท็กซี่ของญี่ปุ่นดูค่ะ 5555555
เป็นไปตามคาด เดินไปถึงรถปุ๊บ คนขับรถก็มาช่วยขนกระเป๋าขึ้นรถปุ๊บ ขึ้นรถกันเรียบร้อยค่อยหันมาถามว่าจะไปไหน จอดตามคิวและไม่มีปฏิเสธผู้โดยเลยซักคน ไปไหนไปกัน ใช้เวลา10นาทีก็ถึงเรียวกังค่ะ
เราอยากมาพักเรียวกัง นอนเสื่อทาทามิ แช่ออนเซ็น
ก็ได้สมใจอยาก
ที่นี่ออนเซ็นเป็นอินดอร์แบบรวมค่ะ คือแยกแค่ชายหญิง
วิวจากหน้าต่างห้องค่ะ
ตอนแรกตั้งใจจะมาดูฟูจิซัง แต่สภาพอากาศทำให้เรามองไม่เห็นฟูจิซังเลย
ได้เห็นทะเลสาบคาวากูจิโกะกับภูเขาปกคลุมที่ด้วยหิมะแทน สวยมากกกกกก คาดไม่ถึงเลยค่ะ
เรียวกังเราไกลจากร้านสะดวกซื้อค่ะ เจ้าของเรียวกังเลยให้ยืมจักรยานมาปั่น
ทั้งสวยทั้งชา ตอนนั้นคิดว่าไม่น่าปั่นจักรยานออกมาเลย หนาวจะแย่
แปลงดอกไม้ของเรียวกัง หน้าร้อนจะมีดอกไม้สีม่วงๆบานเต็มไปหมด คงจะสวยไปอีกแบบ
หลับสบายมากกกก ที่นี่คือการพักผ่อนของจริง ฟินมากกกกกกก
แต่ต้องตื่นแต่เช้า เก็บกระเป๋าเช็คเอาท์แต่เช้า
รถของเรียวกังไปส่งที่สถานีคาวากูจิโกะ
นั่งรถไฟ Fujikyu Railway เข้าเมือง (ใช้เวลาเกือบ3ชม.) เราจะได้เข้าโตเกียวกันแล้ว ^^
เราสถานีโตเกียว ซื้อบัตรโดยสาร1-day tokyo free kippu แล้วไปเช็คอินที่โรงแรมค่ะ เช็คอินแล้วก็ไปลุยโตเกียวกัน !! ^^
เริ่มจากวัดอาซากุสะก่อนเลย
เซียมซีได้ไม่ค่อยดี
ถนนรอบๆวัดมีแต่ขนมอร่อยๆเต็มไปหมดเลย
ไปลุยชิบุย่าต่อ ไปหาฮาชิ
เครื่องสำอางค์ โฟมล้างหน้า ฮาดะลาโบะ ของฝากซื้อทุกอย่างล้วนมาจากที่นี่
ไม่ลืมที่จะไขกาชาปอง
แวะทุกที่ ที่มีตู้กาชาปอง
เข้าเกมเซ็นเตอร์ทุกร้านที่ผ่าน
ในสวนอุเอโนะมีศาลเจ้า
มาสวนอุเอโนะแล้ว ต้องไม่ลืมแวะตลาดAmeyoko มีร้านซุชิชื่อดัง ที่คนต่อแถวยาวเหยียด เลยไม่ได้รอ
พ่อค้าแม่ค้าบางร้านพูดภาษาไทยได้ด้วย ที่นี่คนไทยนิยมมากัน เราก็แวะซื้อสตรอเบอร์รี่จากที่นี่กลับไปฝากที่บ้านด้วยเหมือนกัน
สุดท้ายแล้ว มาโตเกียวไม่ไปเหยียบโตเกียวทาวเวอร์ได้ไง
มีอีกหลายที่ ที่ไปแล้วไม่มีรูปไว้ แต่เราจำได้ทุกภาพ ทุกเหตุการณ์
เราชอบญี่ปุ่นมากจริงๆ และสัญญาว่าจะไปอีก
**เพิ่มเติมที่ถามเข้ามานะคะ
นอกจากค่าที่พักและตี๋วเครื่องบินที่จองจากไทยแล้ว สิ่งที่เเตรียมจากไทยไปอีกอย่างนึงคือ Pocket Wifi ค่ะ เราจองในงานท่องเที่ยวที่ศูนย์สิริกิตติ์ ได้ราคาโปรโมชั่นที่150บ./วันค่ะ ถ้าจองนอกงานจะราคา 200บ./วัน นัดรับกับพนักงานสองวันก่อนบิน แล้วไปเปิดใช้ที่นู้น เรายังไม่เคยใช้ซิมเน็ต เราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน ตัวเครื่องใช้งานประมาณ8-9ชม.ก็แบตหมดค่ะ เราตะลอนๆหลายที่เลยต้องพกPower Bankด้วย กลับมาถึงโรงแรมก็ใช้Wifiของโรงแรม ก็พักเครื่องชาร์จแบตกันไป
แฟนเราแลกเงินจากประเทศไทย(แลกที่K79 ตอนนั้นเรทอยู่ที่0.278ค่ะ) แลกไปสองแสนเยน สำหรับสองคนค่ะ
ค่าใช้จ่ายจะหนักไปทางตั๋วรถไฟ
วันที่1. ที่โอซาก้า ตั้งแต่สนาบินบินโอซาก้ารวมเที่ยวในโอซาก้าใช้ Osaka Amazing Pass = 2300/per
วันที่2. ชินคันเซน Osaka-Mishima = 12080/per
ต่อรถประจำทางไป Kawaguchiko = 2260/per
วันที่3. นั่งรถไฟสาย Fujikyu จาก Kawaguchiko - Otsuki 1490/per เข้าใจผิดคิดว่าสถานี Otsuki สามารถซื้อบัตรโดยสารได้(เราตั้งใจจะซื้อบัตร 1-day tokyo free kippu) แต่ไม่ได้เพราะเป็นสถานีเล็ก เลยต้องเสียค่ารถไฟไปลงสถานีโตเกียว อีก = 1140/per
เที่ยวในโตเกียวโดยใช้บัตรโดยสาร 1-day tokyo free kippu = 1540/per
วันที่4. เที่ยวในโตเกียว ใช้บัตรโดยสาร 1-day tokyo free kippu = 1540/per
วันที่5. เก็บตกซื้อของฝากนิดหน่อย เดินทางไม่ไกล ใช้วิธีหยอดเครื่องเป็นรอบเอา นิดหน่อยไม่ถึงพันเยนค่ะ
Narita Express เข้าสนาบินนาริตะ เราจองแบบระบุที่นั่งเลยค่ะ = 2470/per
สรุปราคาตั๋วรถไฟของทั้งสองคน ประมาณสี่หมื่นเยนค่ะ
ส่วนค่าอาหาร เราไม่ทานหรูค่ะ มียากินิคุ ร้านอาหารข้างทางธรรมดา ร้านอาหารแบบต้องหยอดเงินรับคูปองไปยื่นที่เค้าเตอร์แล้วรับอาหารก็ราคาถูกค่ะได้เยอะมาก แต่จะอร่อยมั้ยต้องไปลุ้นเอาค่ะ อาหารในร้านสะดวกซื้อก็ทานค่ะ ซื้อก่อนกลับเข้าโรงแรมไว้ทานตอนดึกๆ ความเห็นส่วนตัวเราคิดว่าอาหารสำเร็จใน Lawson กับ Family Mart อร่อยกว่าใน 7-11 นะคะ ขนมเครื่องเดื่มทานเยอะปกติค่ะ ไม่ต้องประหยัดอะไร
รวมๆของฝากด้วยแล้ว สองแสนเยนสองคนเราอยู่สบายๆค่ะ เราไม่ได้ทานหรู ไม่ได้ช็อปแบรนเนมค่ะ ^^
__________________________________________________________
นี่คือการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา นี่คือการแบ็คแพ็คครั้งแรกของเรา นี่คือการเขียนรีวิวครั้งแรกของเรา
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย